องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติและสหภาพแอฟริกาได้เผยแพร่รายงาน "สภาพภูมิอากาศของแอฟริกาในปี 2020" เมื่อวันที่ 19 รายงานระบุว่าธารน้ำแข็งบนภูเขาสูงในแอฟริกาตะวันออกจะหายไปภายใน 20 ปี และผู้ยากไร้จำนวน 118 ล้านคนต้องเผชิญกับภัยแล้ง น้ำท่วม หรืออุณหภูมิที่สูงมากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เศรษฐกิจของทวีปแอฟริกาหดตัว 3% ในช่วงกลางศตวรรษที่ 21
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและสหภาพแอฟริการ่วมกันออกรายงาน "สภาวะของสภาพภูมิอากาศในแอฟริกาในปี 2020" ว่าหากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป แอฟริกาจะมีภูเขาเพียงแห่งเดียวที่มีธารน้ำแข็ง ได้แก่ ภูเขาเคนยาในเคนยา ภูเขารเวนโซรีในยูกันดา และภูเขารเวนโซรี ในประเทศแทนซาเนีย ธารน้ำแข็งของ Mount Limanjaro อาจละลายหมดในปี 2040 ธารน้ำแข็ง Mount Kenya คาดว่าจะละลายในปี 2030 และจะเป็นภูเขาลูกแรกที่จะสูญเสียธารน้ำแข็งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานระบุว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแอฟริกามีน้อยกว่า 4% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาเป็นเวลานาน นอกจากความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทวีปซึ่งต้องพึ่งพาการเกษตรเป็นอย่างมาก แอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตะวันตกยังประสบกับอุทกภัยอย่างกว้างขวางในปี 2020 และกาฬโรคตั๊กแตนในประวัติศาสตร์ที่เริ่มขึ้นในปี 2019 ยังคงก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
Joseph Sacco กรรมาธิการเศรษฐกิจชนบทและเกษตรกรรมของคณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา กล่าวว่า ภายในปี 2030 หากไม่มีมาตรการรับมือที่เหมาะสม ประชากรในแอฟริกาจะประสบปัญหาภัยแล้งมากถึง 118 ล้านคน (เช่น ค่าครองชีพต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน) , อุทกภัยและความร้อนจัด สิ่งนี้จะกำหนดภาระเพิ่มเติมในการบรรเทาความยากจนและจะขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาอย่างจริงจัง เธอยังกล่าวด้วยว่าในอนุภูมิภาคทะเลทรายซาฮารา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจลด GDP ลงอีก 3% ภายในปี 2050 สิ่งนี้ก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อการปรับตัวของสภาพอากาศและการดำเนินการด้านความยืดหยุ่น เนื่องจากไม่เพียงแต่สภาพร่างกายจะแย่ลงเท่านั้น แต่จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบก็เพิ่มขึ้นด้วย
ผู้ติดต่อ: Aimee
โทร: +86 1583201860
แฟกซ์: 86-310-6894258